หากคุณชอบรับประทานพริกนี่คือข่าวดี งานวิจัยใหม่ที่นำเสนอในการประชุมประจำปีของสมาคม โรคหัวใจอเมริกันชี้ให้เห็นว่าความร้อนแรงของพริกนั้นทำให้คุณมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคหัวใจหรือมะเร็ง น้อยลงและมีแนวโน้มที่จะมีชีวิตยืนยาวกว่าคนที่ไม่รับประทาน เมื่อวิเคราะห์จากผลการศึกษาก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับการรับประทานพริกมากกว่าสี่พันชิ้นจากฐานข้อมูลด้านสุขภาพชั้นนำระดับโลก รวมถึงข้อมูลด้าน สุขภาพและการบริโภคอาหารของผู้คนมากกว่า 570,000 คนในประเทศสหรัฐอเมริกา จีน อิหร่าน และ อิตาลี พบว่าคนที่รับประทานพริกมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจน้อยลง 26% เสี่ยงต่อการ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งน้อยลง 23% และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากสาเหตุอื่นๆ น้อยลง 25% เมื่อเทียบกับคน ที่ไม่ค่อยรับประทานหรือไม่เคยรับประทานพริก
เบื้องหลังของพริก
ผลการศึกษาเกี่ยวกับพริกครั้งล่าสุดนี้ สร้างความประหลาดใจแก่นักวิจัยที่พบว่าผู้บริโภคพริกเป็น ประจำจะมีความเสี่ยงโดยรวมของโรคหลายชนิดและอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งลดลง อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพยายามค้นหาความเชื่อมโยงระหว่างพริกกับอัตราความเสี่ยงต่อโรคเหล่านั้น โดยทำการวิจัย เพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐานจากการศึกษาที่มีการควบคุมแบบสุ่มเพื่อยืนยันการค้นพบเบื้องต้นดังกล่าว ก่อนหน้านี้พบว่าพริกหลายพันธุ์รวมถึงพริกป่นและจาลาเปโญมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะสารแคปไซวินที่เป็นสารเคมีพืชในพริกที่ ทำให้เผ็ดและยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ประโยชน์ต่อสุขภาพของพริก
พริกแดงรวมทั้งพริกป่นเป็นแหล่งของวิตามิน เอ ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง และมีส่วนช่วยในเรื่องสุขภาพตา พริกยังมีวิตามิน ซี สูงมากซึ่งช่วยในเรื่องภูมิคุ้มกันและการรักษาบาดแผล โดยพริกขี้หนูหั่น 1/4 ถ้วยมีวิตามิน ซี เท่ากับปริมาณที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน วิตามิน เอ ในพริกยังเป็น สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์อื่นๆ โดยเบต้าแคโรทีน ลูทีน ซีแซนทีน และคริปโตแซนธิน นั้นมีอยู่ในพริกด้วยเช่นกัน สารเหล่านี้ช่วยปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ ที่เกิดขึ้นขณะที่ร่างกายเครียดและเจ็บป่วย ทั้งนี้อนุมูลอิสระเป็นสิ่งที่มีส่วนในการทำลายเซลล์ของร่างกาย สำหรับพริกคาเยนน์นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดโดยเฉพาะคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี แต่จะเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี และช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือด ซึ่งผลทั้งหมดนี้สามารถช่วยป้องกัน โรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้ แคปไซซินสามารถเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นทั้งใน ขณะพักผ่อนและระหว่างออกกำลังกาย และสามารถเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ทั้งนี้มากกว่าสองในสามของ ผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกามีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ซึ่งสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดัน โลหิตสูง โรคเบาหวานประเภท 2 และโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ เมื่อคุณกัดพริกเข้าไป แคปไซซิน จะยึดติดกับตัวรับที่สื่อสารกับเซลล์อื่นและบอกสมองของคุณทันทีว่ามันร้อน เมื่อแคปไซซินยึดติดกับตัวรับเดียวกันในระบบทางเดินอาหารของคุณจะทำให้เกิดสารเคมีที่เรียกว่าแอนดาไมด์ ซึ่งเป็นสารที่ถูกพบว่า ช่วยลดการอักเสบในลำไส้ ซึ่งอาจเกิดจากโรคลำไส้อักเสบ
จะเห็นได้ว่า การรับประทานพริกไม่เพียงจะได้ความเผ็ดร้อนแล้ว สารประกอบในพริกช่วยเพิ่ม สุขภาพของหัวใจและลดอัตราการเกิดมะเร็งได้ เนื่องจากสารดังกล่าวช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดโดยเฉพาะคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี สามารถเพิ่ม การเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น รวมถึงช่วยลดการอักเสบในลำไส้ ซึ่งอาจเกิดจากโรคลำไส้อักเสบ
เครคิตภาพจาก pixabay.com
#การดูแลสุขภาพเบื้องต้น #รักสุขภาพ #วิธีดูแลสุขภาพ #ดูแลตัวเอง