7 วิธี ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรน

ถ้าพูดถึงอาการไมเกรนหลายท่านอาจจะนึกถึงอาการปวดหัวข้างเดียว แต่จริงๆ แล้ว อาหารของโรคอาจทำให้ผู้ป่วยปวดหัวทั้งสองข้างได้เช่นเดียวกัน ปัจจุบันเราจะพบผู้ปวดหัวไมเกรนกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากความเครียด ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงานหรือการเรียน และการที่จะต้องทำอะไรแข่งขันกันอยู่เสมอ รวมไปถึงปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน และสภาพแวดล้อมต่างๆ โดยเฉพาะใครที่อยู่ในตัวเมือง จะเจอกับมลพิษกันเกือบตลอด ทำให้หลายคนต้องเจอกับความเครียดแบบต่อเนื่อง เมื่อสะสมไปนานจึงเกิดเป็นอาหารปวดหัวไมเกรนขึ้นมาได้ เมื่อเป็นแบบนี้เรามาดูวิธีในการช่วยบรรเทาอาการกันดีกว่าค่ะ

ภาพจาก pobpad.com

1. งดดื่มกาแฟขณะที่ท้องว่าง ควรดื่มหลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เพราะในกาแฟมีส่วนผสมของคาเฟอีนที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้คุณมีอาการปวดเกิดขึ้นได้

2. หลีกเลี่ยงอาหารมัน และอาหารทอด เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ แกงกะทิ หนังไก่ทอด เป็นต้น

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยประมาณ 8 แก้วในหนึ่งวัน เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติ หรือพยายามถ่ายให้ได้ทุกวัน และต้องเป็นการค่อยจิบตลอดทั้งวัน อย่าใช้วิธีดื่มรวดทีเดียว เพราะนอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกายแล้ว อาจส่งผลเสียให้อีกด้วย

4. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหลัง 4 ทุ่มไปแล้ว และถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการทานประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะจะมีสารอาหารบางอย่างที่จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรนขึ้นได้

5. พยายามรับประทานอาหารที่มีกากใย ได้แก่ ผัก เช่น ผักกระเฉด ผักบุ้ง คะน้า ถั่วงอก ตำลึง และผักกวางตุ้ง เป็นต้น สำหรับผลไม้ เช่น มะม่วงดิบ กล้วยน้ำว้า ส้ม มะละกอ ฝรั่ง ละมุด พรุน แก้วมังกร แอปเปิ้ล อะโวคาโด แคนตาลูป กีวี เป็นต้น ส่วนธัญพืช เช่น พืชตระกูลถั่ว ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวมันปู ข้าวเหนียวดำ ข้าวโอ๊ต และรำข้าวสาลี เป็นต้น

ภาพจาก pobpad.com

6. อย่านั่งทำงานเป็นเวลาติดต่อกันนานจนเกินไป ควรลุกเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง และที่สำคัญควรจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจเป็นกีฬาเบาๆ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน โยคะ และควรทำให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน รวมทั้งในแต่ละครั้งเวลาที่ใช้ในการออกกำลังกายไม่ควรน้อยไปกว่า 30 นาที เพราะมีผลการวิจัยระบุว่าถ้าน้อยไปกว่านี้จะไม่มีผลอะไรต่อร่างกาย ทำให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

7. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอายุ และสุขภาพร่างกาย แต่โดยทั่วไปคนเราควรนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง การนอนดึกไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ

ใครที่มีอาการปวดไมเกรนลองปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันตามนี้กันนะคะ จะช่วยให้อาการของคุณดีขึ้น และหากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการปวดไมเกรนสามารถคลิกตามลิ้งค์ด้านนี้กันได้เลยค่ะ >>

#การดูแลสุขภาพเบื้องต้น #รักสุขภาพ #วิธีดูแลสุขภาพ #ดูแลตัวเอง