แครอทเป็นแหล่งที่ดีของเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ แต่เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากอาหารดังกล่าว ร่างกายจำเป็นต้องมีเอนไซม์ที่บางอย่างเพื่อสร้างวิตามินนี้ สำหรับสารเบต้าแคโรทีนเป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ทำให้แครอทมีสีส้ม มีผลการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ทดลองที่แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอจะช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ “ไม่ดี” ในเลือดได้ เพราะฉะนั้นเบต้าแคโรทีนจึงมีบทบาทในการป้องกันการพัฒนาของหลอดเลือดที่นำไปสู่การสะสมไขมันและคอเลสเตอรอลในหลอดเลือดแดง ทั้งนี้โรคหัวใจและหลอดเลือดในหลอดเลือดเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตทั่วโลก
ร่างกายต้องใช้เอนไซม์บางอย่างเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอ
เบต้าแคโรทีนเปลี่ยนเป็นวิตามินเอด้วยความช่วยเหลือของเอนไซม์ที่เรียกว่า เบต้าแคโรทีน ออกซิเจเนส 1 ทั้งนี้พันธุกรรมจะเป็นตัวกำหนดว่าร่างกายแต่ละคนมีเบต้าแคโรทีนออกซิเจเนส 1 อยู่มากหรือน้อย โดยคนที่มีเอนไซม์ชนิดนี้น้อยก็อาจต้องการวิตามินเอ จากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการ ซึ่งวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดและดีเอ็นเอจากผู้ใหญ่อายุระหว่าง 18-25 ปี ที่มีสุขภาพดี จำนวน 767 คน พบความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมเบต้าแคโรทีนออกซิเจเนส 1 กับระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี โดยคนที่มีพันธุกรรมที่ทำให้เอนไซม์เบต้าแคโรทีนออกซิเจเนส 1 ทำงานได้มากขึ้นจะมีคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง ประกอบกับผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการวิจัยทางลิปิดโดยใช้หนูทดลองมาศึกษาพัฒนาการของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งพบว่าเมื่อให้เบต้าแคโรทีนกับหนู หนูนั้นจะมีระดับคอเลสเตอรอลลดลง หนูเหล่านี้จะมีแผลที่หลอดเลือดเล็กลงหรือมีคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดแดง ซึ่งหมายความว่า หนูที่ได้รับเบต้าแคโรทีนจะสามารถป้องกันหลอดเลือดมากกว่าหนูที่กินอาหารที่ไม่มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพนี้
กลไกของเบต้าแคโรทีนในการลดคอเลสเตอรอล
วิถีทางชีวเคมีของกระบวนการที่เบต้าแคโรทีนทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง โดยพิจารณา
ไปที่ตับซึ่งเป็นอวัยวะที่รับผิดชอบในการผลิตและหลั่งไลโปโปรตีนสู่กระแสเลือด รวมทั้งไลโปโปรตีนที่เรียกว่า คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี โดยพบว่าหนูที่มีวิตามินเอในระดับสูง การปลดปล่อยไขมันเข้าสู่กระแสเลือดจะช้าลง สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเอนไซม์เบต้าแคโรทีนออกซิเจเนส 1 กับคอเลสเตอรอลนั้น โดยปกติแล้ว ถ้าในเลือดมีระดับเบต้าแคโรทีนที่สูงจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็อาจพบว่ามีบางครั้งที่เอนไซม์เบต้าแคโรทีนออกซิเจเนส 1 มีน้อย จึงทำให้เบต้าแคโรทีนที่รับเข้าสู่ร่างกายไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอ ทั้งนี้มีประชากรมากถึง 50% ที่มีเอนไซม์ดังกล่าวน้อย นั่นหมายความว่าร่างกายของคนเหล่านั้นจะผลิตวิตามินเอที่มาจากพืชได้ช้าลง เพราะฉะนั้นพวกเขาอาจต้องได้รับวิตามินเอโดยตรงจากแหล่งอาหารที่มาของสัตว์เช่น นม เนยแข็ง เป็นต้น
ดังนั้นการบริโภคแครอทเป็นแหล่งที่ดีของเบต้าแคโรทีน เพื่อให้ร่างกายได้วิตามินเอนั้น อาจจะไม่เป็นความจริงเสมอไป เพราะการเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอต้องอาศัยเอนไซม์เบต้าแคโรทีนออกซิเจเนส 1 ซึ่งถูกกำหนดโดยพันธุกรรมว่าใครจะมีเบต้าแคโรทีนออกซิเจเนส 1 อยู่มากหรือน้อย โดยคนที่มีเอนไซม์ชนิดนี้น้อยก็อาจต้องการวิตามินเอจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติม
เครดิตภาพจาก pixabay.com
#เบต้าแคโรทีน #ลดคอเลสเตอรอล #กินเพื่อสุขภาพ